ป๋าแพนด้า จัดการหยุดสถิติอันร้อนแรงของปืนโตได้อีกแล้ว เหมือนหนังม้วนเก่ามาฉายใหม่
เมื่อวานเป็นวันแห่งความสุขปลื้มปิติของเหล่าบรรดาชาวอสูรแดง เร้ด อาร์มี่ ทั้งหลาย ที่ทั้งสามารถชนะทีมอันดับจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก อย่างอาร์เซน่อล ไปแบบไม่ไว้หน้าถึง 4 ประตูต่อ 0 รวมไปถึง ผลการแข่งขันที่แอนฟิลด์ ทำให้สาวก เดอะ ค็อปส์ ช็อคกันเกือบทั้งโลก เนื่องจากเกิดอาการเสียหมาอย่างแรง เมื่อเจ้าตูบ บาร์นสลี่ย์ ทีมอันดับ 14 จากลีกแชมเปี้ยนชิพ ที่มีแต้มตามหลังวัตฟอร์ต อยู่ 15 คะแนน ที่อยู่ๆ ทะลึ่งกระโดดงับคอหงส์แดง อดีตแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 4 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย (หรือแชมป์ยุโรป 5 สมัยน่ะแหละ) ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ (อีกแล้ว) งานนี้ ใครที่ยังไม่สั่งจองปี๊บ ก็อย่าลืมไปซื้อได้นะครับ เพราะตอนนี้กำลังมีขายตามห้างสรรพสินค้า และร้านขายยาปัจจุบันแผงบรรจุเสร็จทุกแห่ง!
หลังจากที่โดนเกทับมาเยอะจากฟุตบอลลีก หลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้แค่เสมอกับ สเปอร์ส อย่างหืดจับ 1-1 และแพ้เพื่อนร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างน่าอับอาย 1-2 ทำให้ต้องฮึดกลับมาสู้ เพื่อกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาแต่โดยเร็ว ก่อนที่จะมีแฟนๆ มาประท้วงและจัดตั้งกลุ่มเงินทุนแชร์เพื่อที่จะซื้อหุ้นออกจากนายทุนแดนลุงแซม เหมือนบางทีม เอ้ย! ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการขับเคี่ยวแชมป์พรีเมียร์ ลีก พอสมควร
กัปตันทีมอย่าง วิลเลี่ยม กัลลาส ต้องหน้าแห้งออกไป หลังคุยเกทับก่อนเกมไว้เยอะ
ฤดูกาลนี้ ต้องยอมรับว่า ยูไนเต็ดเอง ทำคะแนนทิ้งหกเรี่ยราดไปหลายนัด ส่งผลกระทบให้การลุ้นแชมป์ ยากลำบากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งไป และกลับ การแพ้โบลตัน เอย การแพ้ เวสต์ แฮม เอย จนทำให้ต้องตามหลังอาร์เซน่อล อยู่ที่ 5 คะแนน และฟุตบอลสมัยนี้ การไล่ตามหลังจ่าฝูงก็เป็นเรื่องลำบากเช่นกันที่จะทวงคืนได้ แต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามี ปาปรีก้า เอ้ย! ถ้ามีโชค ดวงและวาสนา รวมไปถึง ต้องลุ้นให้อาร์เซน่อล เป๋ ซึ่งมีสิทธิ์เป็นไปได้ค่อนข้างสูงหลังเจอ ยูไนเต็ดส่องเป้าไป 4 เม็ดและตามด้วย เอซี มิลาน!
และคราวที่ต้องเจอกันก่อนกำหนดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เลยต้องจัดการฮึดต่อสู้ สร้างขวัญ และกำลังใจให้กับทีมที่กำลังเป็นรองจ่าฝูงอยู่กลายๆ ด้วยการเปิดรังต้อนรับการมาเยือนของอาร์เซน่อล ซึ่งดูจากแผนการเล่นของเฟอร์กี้ แล้ว เล่นด้วยระบบ 4-5-1 อีกแล้ว ซึ่งเป็นระบบที่ได้ความสำเร็จน้อยมากที่สุดในการจัดตัวแบบนี้ ซึ่งจะเห็นได้จากช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว ที่อัดแผงกองกลางเต็มแม็กซ์ แบบแป๊บซี่แม็กซ์ 0 แคลลอรี่ จนทำให้ทีมเป๋ตอนท้ายๆ ฤดูกาล แต่กับฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน ก็มีแววแผ่วให้เห็นบ้าง แต่ไม่ใช่วันนี้!
ลูกโขกปลิดวิญญาณ ท่าไม้ตายถนัดของเฟลทเชอร์ ที่เคยใช้กับเชลซีมาแล้ว หัวหน้าจตุรเทพ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ผู้นี้ มักจะ “องค์ลง” ทุกครั้งเมื่อเจอทีมใหญ่
การส่ง ดาร์เรน “ก๋อง” เฟลทเชอร์ ลงมานั้น ทำให้หลายๆ คนประหลาดใจ ว่าน่าจะแทน โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ลงมาแทน หรือ พอล สโคลส์ ลงมาแทนนั้น สร้างความหวาดเสียวให้กับแฟนผีทั่วโลกตั้งแต่ต้นเกม รวมไปถึงการไม่มีชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ปวดกระเพาะ ไม่สามารถลงสนามได้ ซึ่งจะเก็บตัวไว้เจอกับ ลียง น่าจะดีกว่า ซึ่งหลายๆ คนตอนแรก อาจจะนึกว่า หนูโด้ มีปัญหากับป๋าเฟอร์กี้ เรื่อง SMS ที่โรนัลโด้ ชอบส่งไปเยาะเย้ย ช่อง 3 ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ให้กับพิธีกรบางคนได้อ่าน เวลา ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ หรือว่า เสมอ จากผลการแข่งขันนัดที่ผ่านมา แต่เปล่าเลย เพราะอาการป่วยก่อนเริ่มเกมไม่กี่ชั่วโมง สามารถทำลายความฟิตได้ถึงครึ่งนึง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่ไม่ส่งโรนัลโด้ ลงสนามให้บาดเจ็บฟรี
เฟลทเชอร์ อาจจะเป็นนักเตะที่เป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆ ในแผงมิดฟิลด์ของป๊ะป๋าแพนด้า แต่ทุกครั้งที่ เจ้าชายแห่งสก็อตแลนด์ ลงสนามเจอกับทีมใหญ่ มักจะทำผลงานได้ดีเกินคาดทุกที หรือที่เรียกกันว่า “องค์ลง” กับ หัวหน้าจตุรเทพ คนนี้ ซึ่งเคยโหม่งประตูชัย ดับ เชลซี มาแล้ว รวมไปถึงแสดงให้เห็นถึงความเป็นมิดฟิลด์ระดับโลก (?) ด้วยการทำลายเกมรุกของทีมโรม่า และเชื่อมเกมให้ยูไนเต็ด นัดที่กระทืบหมาป่าตายคาถิ่น 7-1 และนัดนี้ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ก็เลยตอบแทนป๊ะป๋าที่ให้ลงสนามเป็นตัวจริง ด้วยการโขก 2 ประตูใส่ทีมปืนใหญ่อาร์เซน่อล ที่กำลังเป็นจ่าฝูงตอนนี้!
รูนี่ย์คงคิดในใจว่า นานี่ตีลังกาแบบนี้ ไม่ลงมาขาหักตายก็บุญละ
นอกจากนี้ไม่พอ นานี่ ปีกซ้ายสารพัดประโยชน์ ที่หลายๆ นัดก่อน ได้มีโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ทำผลงานค่อนข้างจะบู่อย่างเห็นได้ชัด จึงเอามาแก้ตัวซะยกใหญ่ ด้วยการจัดการโชว์ลีลาสเตปเดียวกับ โรนัลโด้ ผู้เป็นแม่แบบนักฟุตบอลอาชีพของตัวเอง ทั้งๆ ที่อายุห่างกันแค่ 1 ปีกว่าๆ เอง โดยนานี่ สามารถทั้งจ่ายและทำประตูได้ด้วย จากการเปิดยาว ท่าไม้ตายสุดโปรดของ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่เคยวางบอลใส่ทีมโรม่าจนเสียหมา(ป่า) มาแล้ว ได้อย่างสวยงามหมดจด และทั้งนี้ไม่พอ ต้องไม่ลืม แอนแดร์สัน ที่ช่วยมาตั้งรับและตัดเกมได้ดี เห็นอนาคตแบบนี้แล้ว คงจะสามารถเดินตามรอยเท้าของลูกพี่คีโน่ และพี่หัวแดงได้แน่นอน
จะว่าไป มาดูเกมอีกคู่หนึ่งก่อนที่ ยูไนเต็ดจะฟาดแข้งกับอาชีวะปืนโต นั่นก็คือ ลิเวอร์พูล เจอกับ บาร์นสลี่ย์ ทีมอันดับ 14 ในตารางลีกแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเจ้าถิ่นแอนฟิลด์ ก็ได้เฮไปก่อน หลังจาก สากกะเบือดัตช์แมน เดิร์ก เค้าท์ จัดการซัลโวไปซะ 1 ประตูต่อ 0 ก่อนที่จะโดนสตีเฟ่น ฟอสเตอร์ โหม่งตีเสมอได้ในครึ่งหลัง และตามด้วย ไบรอัน ฮาร์เวิร์ด ที่สามารถแปลงร่างตัวเองเป็น “ลีโอเนล เมสซี่” ได้ใน 10 วินาที แต่นั่นก็คุ้มค่าแก่การยิงประตูชัย ทำให้บาร์นสลี่ย์ สามารถชนะทีมแชมป์ยุโรป 5 สมัยได้คาถิ่นแอนฟิลด์ จนสาวก เดอะ ค็อปส์ ต้องสั่งปี๊บที่มียอดขายถึงเกือบหนึ่งแสนใบที่หน้าแอนฟิลด์ มาสวมใส่กลับบ้านด้วย
ดูจากอารมณ์ของราฟา แบบนี้เขาเรียกว่า อาการเสียหมา (บาร์นสลี่ย์) อย่างแรง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาแพ้ทีมระดับลีกต่ำชั้น หรือฝีเท้าต่ำชั้นกว่า ใน เอฟเอ คัพ ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เคยโดนหมูกัดจนตกรอบในเอฟเอ คัพ มาก่อนหน้านี้ 3 ครั้ง 3 คราและเป็นรอบ 3 ทุกครั้ง โดยเริ่มจากฤดูกาล 1992-1993 แพ้โบลตัน 3-2 (เยือน) ฤดูกาล 1993-1994 เสมอบริสตอล ซิตี้ 2-2 และไปรีเพลย์ที่แอนฟิลด์ ปรากฏว่า ช็อคแฟนๆ ด้วยการแพ้ 1-0 และครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2004-2005 เบิร์นลี่ย์ ญาติๆ บาร์นสลี่ย์ ก็ช็อคแฟนหงส์ ด้วยการโชว์ทักษะเหนือเทพแบบ ซีเนอดีน ซีดาน ของ ฌีมี่ ตราโอเร่ ทำให้สกัดเข้าประตูตัวเอง และตกรอบไปอย่างทุเรศนัยน์ตา ก่อนที่จะใช้ความสามารถที่มีทั้งหมด ล้ม เอซี มิลาน ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนเป็นแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรีทีมดังของอังกฤษ
แสดงให้เห็นว่า ทีมลิเวอรพูล สามารถชนะใครก็ได้ และแพ้ใครก็ได้ในโลกนี้ บางวันอาจจะชนะ เอซี มิลาน, รีล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า แต่บางวันก็อาจจะแพ้ ลูตัน ทาว์น, เบิร์นลี่ย์, ฮาแว้นท์ หรือแม้กระทั่งบาร์นสลี่ย์ ก็เป็นได้ ส่วนการเจอกันครั้งล่าสุดของบาร์นสลี่ย์ ในแอนฟิลด์นั้น ลิเวอร์พูล ก็โดนบาร์นสลี่ย์ งับคอขาดคาแอนฟิลด์ไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในฤดูกาล 1997-1998 โดยวันที่ 22 พฤศจิกายน 1997 บาร์นสลี่ย์ ทีมอันดับบ๊วยเค็มของพรีเมียร์ ลีก โดยการนำทัพของ แดนนี่ วิลสัน (ชื่อเหมือนพ่อ ไรอัน กิ๊กส์ เลย) ผู้จัดการทีมหนุ่มไฟแรง ไปเยือน ลิเวอร์พูล ของ รอย อีแวนส์ ซึ่งผลปรากฏว่าเจ้าตูบกระโดดงับลิเวอร์พูลคอขาด จากประตูชัย ของ แอชลี่ย์ วอร์ต ซึ่งตอนนี้ ไม่รู้หายหัวไปไหนแล้ว
อ้อ! และ 11 ผู้เล่นตัวจริงของลิเวอร์พูล ชุดนั้น มีใครบ้างเหรอ ก็มี เดวิด เจมส์, สติ๊ก อิงเก้ บียอร์นบี้, โดมินิก มัตเตโอ, บียอร์น ทอเร่ ควาร์เม่, เจสัน แม็คเคเทียร์, พาทริค แบร์เกอร์, ออยวิน ลีออนฮาร์ตเซ่น, เจมี่ เร้ดแนปป์, สตีฟ แม็คมานามาน, คาร์ล ไฮนซ์ รีดเล่ และ ไมเคิ่ล โอเว่น
ซึ่งดีกรีนักเตะแต่ละคนตอนนั้น ก็แทบจะไม่แพ้ให้กับทีมใดๆ ในลีกได้เลยทั้งชุดปี 1997-1998 และ 2007-2008
แต่ไหงแพ้บาร์สลี่ย์ได้หว่า?
ManSmith
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC